มาถึงวันสุดท้ายของ workshop แล้ว ชิลๆ ไม่มีกิจกรรมอะไรมาก ทานข้าวเช้าเสร็จก็มาทำพิซซ่า ตอนแรกนึกว่าจะเริ่มตั้งแต่ทำแป้งพิซซ่าเลยแต่ไม่ใช่ พนักงานผสมแป้งมาเรียบร้อยแล้ว พร้อมให้พวกเราได้ลงมือคลึงแป้ง ทำให้แบนตามขนาดของถาด โรยเครื่องบนแป้ง โดยพนักงานเขาจะเตรียมเครื่องไว้ให้ เราก็ใช้ความครีเอทีฟตกแต่งหน้าพิซซ่าได้ตามใจชอบ เสร็จแล้วก็เอาเข้าเตาอบ พนักงานจะคอยดูพิซซ่าในเตาให้ ระหว่างรอพิซซ่าสุกพวกเราก็ไปเดินถ่ายรูปเล่นกันเป็นการฆ่าเวลา
หลังจากทานพิซซ่ากันเสร็จก็แยกย้ายกันเก็บข้าวเก็บของเตรียมเช็คเอ้าท์ ไปรับกาแฟที่ได้กลับบ้านคนละถุง แล้วก็แอบขอสูตรน้ำพริกมะคาเดเมียของชาวอาข่าจากเจ้าของฟาร์มมาด้วย เขียนสูตรให้แต่ไม่บอกสัดส่วน 555 เข้าใจแหละ เราก็ปากหนักไม่กล้าถามว่าใส่อะไรเท่าไหร่ เขาให้สูตรก็บุญแล้ว ทีนี้ได้สูตรมาแล้ว ถ้าไม่มีถั่วก็ทำไม่ได้ใช่มิ ก็ถามเจ้าของฟาร์มว่าจะไปหาซื้อได้ที่ไหน เขาบอกว่าบริเวณไม่ไกลจากฟาร์มมีขาย พอเราออกมาจากฟาร์มไม่ไกล เจอวิสาหกิจชุมชนที่แปรรูปมะคาเดเมียดอยช้าง เดินตรงไปที่ออฟฟิสถามหาถั่ว พนักงานชี้ให้เดินไปทางคาเฟ่ด้านหลัง คาเฟ่เค้าใช้นมแมคคาดิเมียในการชงกาแฟด้วย น้องพนักงานโคตรใจดี อุ่นนมร้อนๆ ให้ชิม เป็นครั้งแรกที่ได้ดื่มนมมะคาเดเมีย คือมันๆ นัวๆ อร่อยดีคะลืมนมอัลมอนด์ไปได้เลย ยังไม่พอน้องพนักงานยังแกะถั่วมะคาเดเมียรสชาติต่างๆ ให้ชิมด้วย ลองดูรูปข้างล่างนะคะ ปริมาณที่น้องเค้าใส่จานให้ชิมเยอะมาก พิซซ่ายังไม่ทันย่อยเลย ไม่สามารถชิมได้หมดนี่ เลยอุดหนุนซื้อกลับบ้านไปหลายถุงเลย ถือเป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชนด้วย
 |
นมแมคคาดาเมีย |
 |
แพคเกจน่าร๊าก น่าดื่ม |
 |
ถั่วแมคคาดาเมียรสธรรมชาติและรสน้ำผึ้ง |
 |
ถั่วแมคคาดาเมียรสวาซาบิและเกลือ |
หลังจากออกจากวิสาหกิจชุมชนแหล่งนี้ มติเอกฉันท์จากเพื่อนร่วมทริปทุกคนว่าจะข้ามมื้อกลางวันกันค่า ที่ต่อไปที่พวกเราจะแวะคือ Akha Farmville กำลังเป็นที่นิยม ช่วงก่อนเดินทางมาเชียงรายเห็นคนโพสต์ลงในโซเซียลเยอะมาก ก็เลยต้องแวะสักหน่อย บัตรเข้าชม 100 บาท ได้น้ำฟรี 1 แก้ว คนอย่างเยอะในช่วงเราไป เรียกได้ว่าคนมากกว่าแกะ คิดว่าคนที่เข้าชมคงต้องให้อาหารแกะกันเยอะพอสมควร แต่น้องแกะดูเหมือนยังไม่อิ่ม หยิบแครอทให้แทบไม่ทัน น้องจะมางับจากมือเลย อย่างเสียว กลัวน้องแกะจะได้นิ้วเราเข้าท้องไปด้วย เลยบอกกับน้องสาวว่าให้คนละจานพอนะ มันเสียวนิ้วเหลือเกิน

แวะไปชะโงกที่สิงห์ปาร์คกันสักนิด ไม่ได้แพลนจะมาเที่ยวเป็นจริงเป็นจัง เข้ามาดูว่ามีไรให้ทำบ้างไว้พาครอบครัวมาเที่ยวครั้งหน้า คนขับพาไปตรงจุดชมวิวใกล้ๆร้านภูภิรมย์ เห็นวิวไร่ชาแบบพาโนรามาเลย วิวดีมาก ยืนชมบรรยากาศและสูดอากาศบริสุทธิ์สักพัก(ช่วงนี้ยังไม่เริ่มเผาป่ากัน) ขาออกจากไร่แวะถ่ายรูปกับเจ้าสิงห์สีทองสักหน่อย เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง แต่พอเหลือบไปเห็นคนเยอะแยะเลยขอผ่าน ไว้ครั้งหน้าละกันนะ
ที่หมายถัดไปคือวัดร่องขุ่น เป็นสถานที่ที่อยู่ในลิสต์ที่ต้องมาให้ได้สักครั้งหนึ่ง คนรอบข้างที่เคยไปมาบอกเสียงเดียวกันว่าวัดนี้สวยมาก พอมาเห็นด้วยตัวเองก็อึ้งไปเลย สวยจริงไม่จกตา สถาปัตยกรรมงดงามปราณีตมาก ไม่แปลกใจที่เป็นแลนด์มาร์คของเชียงราย หันซ้ายหันขวาเจอนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากมายเข้าเยี่ยมชม ชอบสวนด้านในที่มีน้ำตกจำลองให้ความร่มรื่นและได้ความเย็นจากน้ำตก เป็นจุดพักเหนื่อยที่ดีหลังจากเดินเที่ยวรอบวัด
ยังพอมีเวลาเหลือ ไปเที่ยวได้อีกที่ก่อนไปสนามบิน ไปปิดทริปนี้ที่วัดร่องเสือเต้นกันคะ วัดนี้เป็นอีกหนึ่งที่ที่มีคนเชียร์ให้มาชมความสวยงาม วัดนี้ให้ความรู้สึกแปลกตาจากโทนสีที่วัดใช้ สร้างความโดดเด่นให้วัดจนวัดมีชื่อเรียกอีกชื่อว่าวัดสีน้ำเงิน วัดมีซุ้มประตูสุดอลังการที่สร้างเป็นพญานาคท้าวมุจลินทร์และปุ่ศรีสุทโธด้านหน้าวัด ใครเป็นสายบูชาพญานาคต้องไม่พลาด พอเริ่มมืดวัดจะเปิดไฟสวยมากๆ เราพลาดเพราะต้องรีบไปขึ้นเครื่องกลับ กทม. เลยไม่ได้อยู่ดู เลยอยากจะแนะนำให้เพื่อนๆ มาช่วงเย็นและอยู่จนค่ำเพื่อชมความสวยงามของวัดในยามค่ำคืน วัดนี้ปิด 20.00 น. นะคะ
จบทริปแล้วจ้า ทริป 3 วัน 2 คืนที่กิจกรรมแน่นๆ เลยต้องแบ่งเขียนเป็น 3 วัน เป็นการมาเชียงรายครั้งแรกที่แสนประทับใจ แล้วพบกันใหม่นะ...เชียงราย ไว้จะกลับมาสัมผัสมนต์สเน่ห์บนดอยอีกครั้ง ครั้งหน้าเจอกันไร่ชาจ้า ...See you again Chiangrai...