วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2565

แอ่วเหนือหน้าฝน ม่วนจิตม่วนใจ๋ น่าน-พะเยา 3วัน 2คืน | Nan-Phayao in monsoon season 3D2N



 

 
  
แอ่วเหนือหน้าฝน หลายคนคงมีคำถามแบบนี้เกิดขึ้นในหัว

แอ่วไหนดี?
แอ่วกับใครดี?
นอนไหนดี?
กินไหนดี?


Blog นี้อาจทำให้คุณได้คำตอบ...
หากใครอยากไปน่านและพะเยาอยู่แล้ว ขอให้อ่านต่อ Blog นี้น่าจะเป็นประโยชน์ในการจัดโปรแกรมท่องเที่ยวของคุณ สำหรับใครที่ยังไม่มีจุดหมายปลายทาง อ่านจบแล้วอาจจะอยากไปตามรอยก็ได้นะ

 

ทำไมต้องหน้าฝน?

ถ้าคุณอยากเห็นความเขียวขจี ก็ต้องฤดูนี้แหละ ภูเขาและทุ่งนาจะสวยที่สุดในฤดูฝน ยิ่งไปในจังหวัดที่มีทิวเขาสวยงาม สูงต่ำสลับทับซ้อนกัน คือวิวหลักล้านแน่นอน แถมด้วยสายหมอกฟุ้งๆ ที่จะโผล่มาทักทาย และยิ่งไปกว่านั้นหากโชคดี ก็จะได้เห็นดวงดาวและทางช้างเผือกด้วย ถ้ามาฤดูอื่นแม้มีแต้มบุญดีแค่ไหน ก็จะเห็นภูเขาสีน้ำตาล

 มันคงดีถ้าทริปนี้พวกเราได้เห็นครบ...

 

พักที่ไหน? 

เลือกไม่ยากเลย อย่างที่เกริ่นไปด้านบน "ทุ่งนาและภูเขาสีเขียวขจี" อยากตื่นขึ้นมาแล้วเห็นอะไรก็พักแบบนั้น ทริปนี้เราพัก 2 แบบ ทั้งวิวนาและวิวเขา

คืนแรก พัก บ้านนาก๋างโต้ง

คืนที่สอง พัก magic mountain  camp

 

 

แล้วจองที่พักยากมั้ย? 

ขอบอกว่าไม่ยากนะ อาจเป็นเพราะไม่ได้เดินทางช่วงเทศกาล หรือวันหยุดยาว ถึงแม้จำนวนห้องพักจะน้อยแต่ก็พอมีห้องว่างให้จองได้สบายๆ สำหรับที่พักคืนที่สอง จะประกาศวันที่เปิดจองในแต่ละซีซั่นที่หน้าเพจ ให้เข้าไปส่องบ่อยๆ จะได้ไม่พลาดการจองและโปรโมชั่นของที่พัก ในปีนี้ magic mountain  camp เปิดจองในวันที่ 1 พ.ค. 65

 

พอเรามีจุดหมายปลายทางและมีที่พักในใจแล้ว ก็ไปหาสมาชิกร่วมทริปกัน เนื่องจากการพักกลางนากลางเขา อาจจะไม่ได้รับความสะดวกสบายเท่าที่ควร แม้จะมีสิ่งอำนวยครบ แต่ก็จะมีเรื่องของแมลง สัตว์ต่างๆ ในหน้าฝนมารบกวนได้ รวมถึงการไม่มีไฟฟ้าใช้บนเขาด้วยเหตุสุดวิสัย สมาชิกร่วมทริปต้องยอมรับสภาพเหล่านี้ได้

 

เที่ยวไหนบ้าง? 

มาถึงการจัดโปรแกรมเที่ยวสำหรับทริปนี้

เราลิสต์สถานที่ท่องเที่ยว ที่อยากไปมาก่อน แล้วมาเปิด Google Map เพื่อจัดเส้นทาง รวมถึงให้บริษัทรถเช่าแนะนำ จึงได้เส้นทางรูทวงกลมทั้งน่านและพะเยา

Route 1 : เมืองน่าน-สันติสุข-บ่อเกลือ-ปัว-เมืองน่าน

Route 2 : เมืองน่าน-บ้านหลวง-เชียงม่วน-ปง-ท่าวังผา-เมืองน่าน 



พวกเราเริ่มทริปจากสนามบินดอนเมือง ลงครื่องที่น่านประมาณ 9 โมงครึ่ง รถตู้มารับแล้วตรงไปยังร้านเดอะวิวกิ่วม่วง มื้อเช้าเราเริ่มที่นี่ พออิ่มท้องก็ไปกันต่อในเส้นสันติสุข-บ่อเกลือ เส้นนี้มีจุดให้แวะตลอดทาง ตั้งแต่โค้งตัวยู โค้งเลขศูนย์ โค้งเลข3 โค้งพับผ้า จุดชมวิวยอดดอย ....เนื่องจากเป็นการมาน่านครั้งแรก ยังไม่รู้จักถนนหนทาง พอมาเจอสารพัดโค้ง เมารถไปเลยจ้า กว่าจะคิดได้ก็ถึงบ่อเกลือพอดี ทานยาแก้เมาไม่ทันแล้ว 





ถนนตัว U

ถนนเลข3

จุดชมวิว ณ ถนนเลขศูนย์

ถนนเลขศูนย์

จุดชมวิวบ้านยอดดอย

โค้งพับผ้า

ที่บ่อเกลือเราแวะทานมื้อกลางวัน ชื่อร้านบ่อเกลือริเวอร์วิว ร้านนี้พี่คนขับรถแนะนำ ให้จองโต๊ะมาก่อนด้วยนะไม่งั้นไม่รับประกันว่าจะมีโต๊ะ เราก็จัดไป การจองโต๊ะและสั่งอาหารต้องทำล่วงหน้า 2 วัน และต้องมัดจำค่าอาหารด้วย ทางร้านจะส่งเมนูให้เลือก เมนูที่เราสั่งมี 5 อย่าง

ขาหมูบ่อเกลือ

ผักกูดผัดแหนม

เต้าหู้กรอบทรงเครื่อง

แกงส่มผักรวมปลานิลทอด

ไก่ทอดมะแขว่น

ทานเสร็จชมวิวรอบๆร้าน แล้วเดินทางกันต่อ จุดต่อไปที่จะแวะคือ จุดชมวิว 1715 ดอยภูคา มาถึงจังหวะดีมาก สายหมอกมาทักทายตอนบ่ายสามโมง แล้วฝนก็ตกไล่พวกเรา ถ่ายรูปได้ไม่เยอะก็ต้องขึ้นรถ ไปเที่ยวกันต่อที่อำเภอปัว ร้านกาแฟบ้านไทลื้อ ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ และวังศิลาแลง ซึ่ง 2 แห่งหลังเราไม่ได้ไปเพราะเวลาไม่พอ พวกเราอยากเข้าที่พักกันไม่เกิน 6 โมงเย็น

บรรยากาศภายในร้านบ่อเกลือวิว

บรรยากาศภายในร้านบ่อเกลือวิว

แกงส้มผักรวมปลานิลทอด

ผักกูดใส่แหนม

ข้าวไรซ์เบอร์รี่

เต้าหู้กรอบทรงเครื่อง

ขาหมูบ่อเกลือ

มองลงมาจากร้านเห็นวิวแม่น้ำ

จุดชมวิว 1715

หมอกเพียบ จุดชมวิว 1715

กาแฟบ้านไทลื้อ

วิวด้านใน

ตกแต่งร้านด้วยผ้าพื้นเมือง

เช็คอินที่พักคืนแรก "บ้านนาก๋างโต้ง"

หลังที่เราเลือกพักชื่อว่า บ้านนาเคียงเดือน และบ้านธารน้ำใสบรรยากาศโรงแรมตกแต่งน่ารัก ตะมุตะมิไปหมด ตั้งแต่ทางเข้า ล็อบบี้ จนถึงทางเดินไปยังห้องพัก เป็นสะพานไม้เล็กๆ ทอดยาวไปยังโซนบ้านพัก สองฝั่งสะพานเป็นทุ่งนาสีเขียวขจี คือมันดีมาก

 


แผนผังบ้านพัก รูปจากเพจบ้านนาก๋างโต้ง

การตกแต่งภายนอกว่าดีแล้ว โซนที่พักก็ตกแต่งได้น่ารักไม่แพ้กัน ทางเข้าบ้านแต่ละหลังจะมีประตูปิดอีกทีเพื่อให้รู้สึกถึงความเป็นส่วนตัว แต่ละหลังเป็นบ้านไม้ ห้องน้ำ outdoor มีความซีทรูมาก แต่ก็มีม่านม้วนให้ปิดมิดชิดมากขึ้นเพื่อกันโป๊ เก็บรูปมากฝากชมบ้านพักกันคะ 


ล๊อปบี้ ตกแต่งสวยงามมาก

สะพานเดินไปห้องพัก

ทุ่งนาที่เขียวขจี

ต้นไม้ใหญ่โต มองทางไหนก็เขียวไปหมด

พักหลังนี้ บ้านนาเคียงเดือน มีชิงช้าหน้าบ้าน

หลังนี้บ้านธารน้ำใส 1-2 มีเบาะตาข่ายหน้าบ้านให้ทิ้งตัว







สำหรับมื้อเย็นวันแรก พวกเราฝากท้องที่ถนนคนเดิน หรือกาดข่วงน่าน มีขายทั้งของกินและของใช้ จุดเด่นคือ ที่นั่งทาน จัดเป็นพื้นที่โล่ง ลานติดกับวัดภูมินทร์เลย มีขันโตกตั้งให้ ใช้เป็นโต๊ะวางของ นั่งล้อมขันโตกทานกับพื้นได้บรรยากาศไปอีกแบบ พร้อมเสียงเพลงพื้นเมืองที่จะมีน้องๆ มาเล่นดนตรีให้ฟัง (ถนนคนเดินมีเฉพาะวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เวลา 17:00-22:00 น.)





เช้าวันที่ 2 ... ฝนมาทักทายแต่เช้า ตกลงมาเบาๆ ไม่นานก็หยุด ทำให้ได้เก็บภาพ 1 กรุบก่อนจะเช็คเอ้าท์ ที่บ้านนาก๋างโต้งนอกจากที่พักแล้ว ยังมีคาเฟ่ด้วยนะ เปิด 9 โมงเช้า คาเฟ่มีเครื่องดื่ม ขนม และไอศครีมขาย ลูกค้าที่พักบ้านนาฯ จะได้คูปองไอศครีมฟรี และส่วนลดเครื่องดื่ม 10% เราลองซื้อเมนูแนะนำ น้ำแตงโมเสาวรส อร่อยดี ดื่มแล้วสดชื่นมาก อันนี้ถ้าไปต้องลองชิมนะ แนะนำคะ

 







10 โมงเช้าล้อหมุน ออกเดินทางจากน่านไปพะเยา โดยมีสถานที่เที่ยวที่จะแวะคือ "อุทยานแห่งชาติดอยภูนาง" ที่ อช.ภูนาง ครอบคลุมพื้นที่ 3 อำเภอ คือ อำเภอเชียงม่วน อำเภอดอกคำใต้ และอำเภอปง สิ่งที่พลาดไม่ได้ในอุทยาน คือ น้ำตกธารสวรรค์  ฝูงนกยูง มหัศจรรย์ต้นสมพง พวกเราเดินทางมาค่อนข้างไกล 80 กว่ากิโล มาถึงแล้วอุทยานปิดซะงั้น เศร้าที่สุด... เลยขออนุญาติเจ้าหน้าที่อุทยาน ถ่ายรูปด้านหน้าอุทยาน โชคดีที่ต้นสมพงอยู่ด้านอุทยาน เราเลยได้เก็บภาพมาฝากนิดหน่อย






จาก อช.ภูนาง เราตรงไปที่พักคืนที่สองของเราเลย เดินทางไปอีกชั่วโมงครึ่งก็ถึงที่หมาย ทางเข้าที่พักเป็นทางลงเขา ลาดชันพอควร แนะนำใส่รองเท้าที่มีดอกยางดีๆ ไม่งั้นกลิ้งลงเขาแน่ ที่ magic mountain camp มีห้องพัก 4 ห้อง (ปิดปรับปรุงไป 1 ห้อง) พวกเรายึดไป 3 ห้อง คือ โดม 1, โดม 3 และโดม 4 อีกห้องเป็นแบบ twin dome ที่มีห้องนั่งเล่น ราคาก็จะแรงหน่อย ก่อนมาเช็คในเว็บไม่มีคนจอง แต่ถามพนักงานแล้วบอกว่ามีคนเข้าพักด้วย คิดว่าแก๊งค์เราจะได้เหมาโรงแรมซะแล้ว 



หลังจากเช็คอินเสร็จก็มีของว่างมาเสริฟ พอดีกับเวลายามบ่าย ถือเป็น Afternoon Tea ได้เลย พนักงานจัดมาให้ได้น่ารักมาก ใครที่สายทำ content คงถูกใจแน่นอน มาชมห้องและบรรยากาศกันจ้า








ทานของหวานเสร็จก็มาต่อด้วยของคาว พวกเรารีบให้พนักงานจัดโต๊ะตอนหกโมงเย็น จะได้ไม่มืดเกินไป ยุงและแมลงจะได้ไม่เยอะด้วย ส่วนอาหารก็เป็นอะไรไปไม่ได้ บรรยากาศแบบนี้ต้องหมูกระทะเท่านั้น น้ำจิ้มอร่อย น้ำซุปอร่อย วัตถุดิบสดดี นั่งทานกันจนถึง 2 ทุ่มเลย ปล.พวกเราแอบซื้อผักและหมูมาเพิ่มด้วย ทานหมูกระทะเสร็จก็ไปล่าดาว ล่าช้างกันต่อ เจอครบเลยแต่เห็นไม่นานก็โดนเมฆมาบังไปหมด เหมือนเมฆมาไล่ไปเข้านอน พวกเราก็แยกย้ายเข้านอน แล้วพรุ่งนี้เช้ามาลุ้นหมอกกัน










มาเช้าถึงวันสุดท้ายของทริปนี้ ตื่นมาพร้อมกับสายฝน จริงๆ จะเรียกว่าฝนตกทั้งคืนยันเช้าก็ว่าได้ สบายใจแล้วยังไงเช้านี้ก็มีหมอกแน่นอน พวกเราตั้งใจจะเก็บภาพพระอาทิตย์ขึ้นด้วยนะ แต่เมฆเยอะมาก บดบังดวงอาทิตย์ไปเต็มๆ แต่ก็ได้สัมผัสบรรยากาศไปอีกแบบ เหมือนหลงมาอยู่ในหุบเขาต้องมนต์ หมอกเคลื่อนที่สูงต่ำหนาบางแต่ละนาทีภาพที่ปรากฎตรงหน้าไม่เหมือนกันเลย ได้แต่มองนิ่งๆ เหมือนมีมนต์สะกด








อาหารเช้าวันนี้พนักงานจัดให้เป็นเซ็ท มีข้าวต้ม และ American Breakfast เสริฟพร้อมน้ำส้ม และผลไม้ ได้ทานมื้อเช้าพร้อมวิวแบบนี้แล้วมันเจริญอาหารจริงๆ ทานเสร็จก็เก็บกระเป๋าเช็คเอ้าท์  แล้วไปถ่ายรูปเล่นที่ Magic Mountain Cafe กัน ที่คาเฟ่จะเข้าไปต้องสั่งเครื่องดื่มก่อน อุดหนุนร้านนิดนะคะเพราะคาเฟ่เค้าวิวดีมาก สั่งชา กาแฟ โกโก้ มาดื่มแล้วก็ใช้เป็นพร๊อพถ่ายรูปด้วย วิวที่คาเฟ่จะได้มุมสูงกว่าที่พัก สวยทุกองศาไปเลยคะ









พวกเราออกจากคาเฟ่ ตอน 10 โมงกว่า แล้วก็นั่งรถกลับไปเที่ยวตัวเมืองน่าน ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เส้นทางที่ใช้ขากลับจะผ่านอำเภอสองแควและท่าวังผา ที่ตัวเมืองน่านเรามีแวะเที่ยววัดภูมินทร์และพระธาตุแช่แห้ง โชคไม่ดีโบสถ์ทั้ง 2 แห่งกำลังบูรณะภายนอก แอบเสียดาย 








มาถึงมื้อปิดท้ายทริปของเราพวกเราจัดเต็มทั้งของคาวและของหวาน แวะกินร้านข้าวซอยคุณยายที่อยู่ใกล้วัดมิ่งเมือง และร้านไอติมสเวนเซ่นสาขากาดน่าน ที่ทุกคนบอกว่ามาแล้วต้องแวะนะจ๊ะ ชั้น 2 ตกแต่งได้คุมโทนความเมืองเหนือมากๆ และมีภาพ "ปู่ม่านย่าม่าน" เจ้าของตำนานกระซิบรักบันลือโลกด้วย

 





โดยรวมทริปแอ่ว น่าน-พะเยา หน้าฝน เราประทับใจมากนะ และถ้าให้กลับไปเที่ยวอีกครั้งก็คงไปหน้าฝนเหมือนเดิม เพราะอยากเจอนุ้งหมอก นุ้งดาว นุ้งช้าง อีกเช่นเคย และขอฝากข้อมูลไว้เผื่อจะเป็นประโยชน์นะคะ

 

...เส้นทางที่เราเที่ยว เวลาส่วนใหญ่นั่งอยู่ในรถ ลงไปถ่ายรูปจุดแวะต่างๆ จุดละ 15-30 นาที เตรียมยาแก้เมาไว้เลยถ้าไม่ใช่คนขับมีสิทธิ์เมารถแน่นอน นอกจากนี้ ยาแก้แพ้ ยากันยุง ยาดม ยาหม่อง ติดไปด้วยก็ดีนะคะ

 

...ข้อเสียของการพักเต๊นท์โดม ตื่นสายร้อนระอุมากนะจ๊ะ ฉะนั้นการตื่นเช้าคือสิ่งที่ควรทำที่สุด

 

...อันนี้สำคัญ ระวัง "แมลงก้นกระดก" ด้วยนะคะ อย่าจับ อย่าบี้ อย่าตี แมลงนี้มีสารพิษที่ทำให้เกิดการระคายเคือง ปวดแสบร้อน ผิวหนังไหม้ เกิดตุ่มน้ำตุ่มพอง หากถูกบริเวณดวงตาอาจตาบอดได้

 

...สำคัญที่สุด เตรียมร่างกายให้พร้อม ทางลงที่พัก magic mountain camp มีปวดขา ปวดเข่าแน่นอน เตรียมรองเท้าดอกยางดีๆ ด้วยนะคะ ไม่งั้นมีสิทธิ์กลิ้งตกเขาได้ เพราะทางลงชันมาก

 

สุดท้าย...ขอปิดทริปด้วย คำกระซิบที่เป็นตำนาน...

 

"คำฮักน้อง กูปี้จักเอาไว้ในน้ำก็กลัวหนาว

จักเอาไว้พื้นอากาศกลางหาว ก็กลัวหมอกเหมยซอนดาวลงมาคะลุม

จักเอาไปใส่ในข่วงคุ้ม ก็กลัวเจ้าปะใส่แล้วลู่เอาไป

ก็เลยเอาไว้ในอกในใจตัวชายปี้นี้ จักหื้อมันไห้อะฮิอะฮี้ยามปี้นอนสะดุ้งตื่นเววา..."

 

และท้ายสุด...ขอสรุปค่าใช้จ่ายในทริปนี้

ค่าอาหาร+ค่ารถเช่าพร้อมคนขับ+ค่าน้ำมัน 12,399 บาท

ค่าที่ัพัก บ้านนาก๋างโต้ง+Magic Mountain Camp 18,400 บาท

ค่าตั๋วเครื่องบินพร้อมน้ำหนักกระเป๋า 14,250 บาท

เฉลี่ยตกคนละ 8,000 บาทคะ

 

See you next trip...